ตะลุยอีสาน สักการะ ศาลาแก้วกู่
ศาลาแก้วกู่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดแขก ตั้งอยู่ที่จังหวัดหนองคาย
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยศาลาแก้วกู่เป็นสวนประติมากรรมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นทางศาสนาต่าง ๆ ทั้งศาสนาพุทธ ฮินดู และความเชื่อพื้นบ้าน ถือว่าเป็นจุดที่มีการผสมผสานความเชื่อและศรัทธาหลายแบบเข้าด้วยกัน
ประวัติของศาลาแก้วกู่
ศาลาแก้วกู่ถูกสร้างขึ้นโดย หลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ในปี พ.ศ. 2521 หลังจากที่ท่านได้รับแรงบันดาลใจจากการบำเพ็ญเพียรทางจิต ศาลาแก้วกู่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างความเชื่อของศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวอีสาน
ภายในศาลามีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเทพเจ้า พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อหลายแบบ รูปปั้นเหล่านี้มีขนาดใหญ่และซับซ้อน ทั้งยังมีการจัดแสดงแนวคิดทางปรัชญาและคำสอนทางศาสนา จึงเป็นที่นับถือของผู้คนจากหลายแห่งที่เดินทางมาเยี่ยมชม
การขอพรเรื่องโชคลาภที่ศาลาแก้วกู่
ศาลาแก้วกู่ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนมาขอพรในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านโชคลาภ ความสำเร็จ และความมั่งคั่ง ขั้นตอนการขอพรและสักการะที่ศาลาแก้วกู่มีดังนี้:
- การบูชารูปปั้นเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์: ภายในศาลามีรูปปั้นของพระพุทธเจ้า เทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ที่มาเยือนสามารถไหว้บูชาตามความเชื่อของตนเอง โดยการใช้ธูป เทียน และดอกไม้เป็นเครื่องบูชา
- สวดมนต์และอธิษฐานขอพร: การสวดมนต์และการตั้งจิตอธิษฐานขอพรที่ศาลาแก้วกู่สามารถทำได้ตามศรัทธาส่วนบุคคล โดยมักจะเน้นไปที่การขอพรในเรื่องของโชคลาภ ความสำเร็จในชีวิต การงาน และการเงิน
- การไหว้รูปปั้นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ: ภายในศาลามีรูปปั้นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและทรัพย์สมบัติ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเสริมพลังในเรื่องของการเงินและความมั่งคั่ง การถวายของบูชา เช่น ดอกไม้ ผลไม้ หรือเครื่องราง จะช่วยเสริมพลังโชคลาภ
ข้อปฏิบัติและความเชื่อ
- การเดินชมและสักการะรูปปั้นภายในศาลามีจุดประสงค์เพื่อการทำบุญ เสริมบารมี และเสริมโชคลาภ การตั้งจิตให้มั่นคงและทำบุญอย่างตั้งใจเป็นสิ่งที่ผู้คนที่มาเยือนนิยมปฏิบัติ
- เนื่องจากศาลาแก้วกู่เป็นสถานที่ที่รวมเอาหลายศาสนาและความเชื่อเข้าด้วยกัน จึงมีความยืดหยุ่นในด้านพิธีกรรมและการขอพร ผู้มาเยือนสามารถทำตามความเชื่อของตนเองได้อย่างอิสระ